บน 12-27-2019 05:14 PM
ทุกวันนี้เรามีจอมือถือที่ดีมาก ๆ ใช้กันมานานแล้ว นั่นคือจอแบบ S-AMOLED และตอนนี้ Samsung เอาจอรุ่นนี้มาใส่ให้กับสมาร์ตโฟนซีรี่ส์ Galaxy A หลายรุ่นด้วยกัน
มาทำความรู้จักจอ Super Amoled กันก่อนว่าคืออะไร เริ่มจากตัวย่อก่อน S-AMOLED ย่อมาจาก (super-active-matrix organic light-emitting diode)
อธิบายง่าย ๆ ก่อนหน้านี้เราก็มีจอ LCD ใช้กัน ทั้งจอ LCD และ LED เป็นจอประเภทเดียวกันคือ มี Backlight panel คือต้องมีแผงไฟส่องสว่างอยู่ด้านหลังแผงแสดงสี ข้อเสียของจอแบบเดิมคือ สว่างได้ไม่มาก มืดก็ไม่มืดสนิท ทำให้สีสันมันไม่สดใสและไม่คมเข้ม
วงการจอแสดงผลจึงมีการพัฒนาจอ OLED เป็นจอที่แต่ละจุดพิกเซลสามารถส่องสว่างได้ด้วยตนเอง แต่บนหน้าจอมือถือไม่มีใครทำจอมือถือเป็น OLED เพราะในยุคก่อนนั้นมีคนบอกว่ามันแพง แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่กรณีนั้น เพราะมันกินไฟมากจนไม่น่าเอามาใช้กับจอมือถือนั่นเอง
ดังนั้น Samsung จึงนำเสนอเทคโนโลยี S-AMOLED ซึ่งก็คือ OLED ที่มีแผ่นฟิล์มเคลือบสารกึ่งตัวนำ Active matrix ที่ทำหน้าที่ควบคุมกระแสไฟส่งไปเปิดปิดในแต่ละพิกเซล ซัมซุงแก้ปัญหาของจอ OLED ที่คนอื่นทำไม่ได้ เทคโนโลยีนี้ ทำให้จอ S-AMOLED ประหยัดไฟและแสดงผลที่รีเฟรชเรทที่สูง ทำให้ได้จอมือถือที่มีคุณภาพดีกว่าจอแบบ LCD ในทางเทคนิค จอ S-AMOLED แสดงผลได้เร็วกว่าจอ LCD ถึง 1000 เท่าเลยทีเดียว
หน้าจอแบบ S-AMOLED ดีกว่ายังไง?
1.สว่างกว่า ในยุคนั้นจอ LCD ในมือถือแทบทุกยี่ห้อ สว่างได้สูงสุดแค่ 400-500 Nits แต่จอ S-AMOLED ของซัมซุง สว่างได้ถึง 800 Nits ในแสงปกติ คอนทราสก็คมกว่า สีสันก็เข้มกว่า ดูหนังหรือใช้งานหน้าจอก็ดีกว่ามาก
2.แสดงสีได้เยอะกว่า จอ S-AMOLED สีสันสดใสกว่า ส่วนมืดก็คมเข้มกว่า
3.จอ S-AMOLED รวมเอาชั้นเลเยอร์แสดงผลกับทัชสกรีนเข้าด้วยกัน ทำให้จอมีชั้นของเลเยอร์น้อยกว่า ส่งผลให้เวลาใช้งานกลางแดด จึงสะท้อนแสงแดดน้อยกว่า มองเห็นได้ชัดเจนกว่า
4.สบายตากว่า ลดความเมื่อยล้าในการดูหน้าจอได้ดีกว่า
5.จอที่มีชั้นเลเยอร์น้อย ทำให้เครื่องบางกว่า น้ำหนักจอเบากว่า และกินไฟน้อยกว่าด้วย
ซัมซุงมีจอที่ดีมากใช้กันมาตั้งนานแล้ว และทุกวันนี้ แบรนด์อื่น ๆ เพิ่งเริ่มหันมาใช้จอแบบเดียวกันนี้บ้างแล้ว ปี 2020 จะเป็นปีที่แข่งขันกันเรื่องของ Refresh rate บนหน้าจอที่สูงขึ้น ซึ่งจอแบบ S-AMOLED นี่แหละที่สามารถแสดงผลในระดับนั้นได้
ที่มา : techoffside
