โหมดฉุกเฉิน ( Emergency Mode ) บนสมาร์ตโฟน Samsung Galaxy ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโหมดที่มีประโยชน์มากในยามฉุกเฉิน เพราะจะช่วยให้สมาร์ตโฟนของคุณนั้น จำกัดการทำงานเบื้องหลัง เพื่อการประหยัดแบตเตอรี่ไว้สำรองหรือยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนานมากที่สุด
EMERGENCY MODE โหมดฉุกเฉิน คืออะไร?
โหมดฉุกเฉินบนสมาร์ตโฟนซัมซุงกาแลคซี่นั้น เป็นการเปลี่ยนรูปแบบของ UI ให้เป็นสีดำสนิท ดูใช้งานเรียบง่าย แต่ก็จะมีการลดความเร็วของ CPU และลดความสว่างของหน้าจอลง เพื่อการประหยัดแบตเตอรี่ขั้นสุด แถมยังมีการจำกัดการใช้งานแอปพลิเคชั่นให้ใช้ได้เฉพาะแอพสำคัญๆ หรือถ้าอยากใช้แอพเพิ่มเติมก็สามารถเลือกเข้าไปในหน้า UI นี้ได้เช่นกัน และเมื่อหน้าจอดับลง (กดล็อกหน้าจอ) การทำงานเบื้องหลังของสมาร์ตโฟนของคุณจะถูกปิดลงเกือบหมด อาทิ Wi-Fi, Bluetooth, GPS (Location) เป็นต้น
พูดง่าย ๆ เจ้าตัวโหมดฉุกเฉินนี้ก็เหมือนโหมด Ultra Power Saving Mode ที่มีมานานตั้งแต่สมัย Samsung Galaxy S5 นั่นเอง แต่มีความสามารถเพิ่มเติมในการป้องกันเหตุฉุกเฉินได้ โดยมันจะทำการทำทุกอย่างให้สมาร์ตโฟนซัมซุงกาแลคซี่ของคุณประหยัดแบตขั้นสุด แถมยังใช้ได้แค่บางแอปฯ อาทิ โทรศัพท์เพื่อใช้โทรออก-รับสาย, ไฟฉาย (ใช้ไฟแฟลชแบบแรงสุด), แอปส่งเสียงร้อง, แอปอินเตอร์เน็ตเพื่อส่งข้อมูลหรือตำแหน่งไปให้เพื่อนหรือคนรู้จัก ผ่านอินเทอร์เน็ต 4G หรือ Wifi เป็นต้น
ขั้นตอนการเปิดโหมดฉุกเฉิน บนสมาร์ตโฟน Samsung Galaxy
- ขั้นตอนแรก กดปุ่ม เปิด/ปิด ค้างไว้สักครู่ ที่ตัวสมาร์ตโฟนซัมซุงกาแลคซี่ แล้วแตะที่โหมดฉุกเฉิน (Emergency Mode)
- ขั้นตอนที่ 2 อ่านข้อความและยอมรับข้อกำหนดแล้วกด Turn On (เปิด) โหมดฉุกเฉินนี้
- และขั้นตอนสุดท้าย กดไปที่ปุ่ม + เพื่อเพิ่มแอปพลิเคชั่นไปใน UI บนหน้าจอที่มีรูปแบบอย่างง่าย โดยจะต้องเลือกแอปที่จำเป็นจำต้องใช้งานจริง ๆ ในโหมดนี้ เช่น ไฟฉาย, โทรศัพท์, รายชื่อติดต่อยามฉุกเฉิน (กดแล้วโทรออกได้เลย), แอปที่สามารถบอกตำแหน่งของเรา ณ ขณะนั้นได้ เป็นต้น
ซึ่งหนึ่งในแอปที่ทางซัมซุงเลือกไว้ให้เราโดยอัตโนมัตินั่นก็คือ Emergency Alarm ที่ช่วยให้สมาร์ตโฟนซัมซุงกาแลคซี่ของคุณส่งเสียงร้องออกมาอย่างดังที่สุด (อารมณ์เหมือนการกรีดร้อง เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ) แต่หากอยากจะปิดโหมดนี้ก็ทำได้เพียงแตะไอคอนจุด 3 จุดมุมบนขวามือของโทรศัพท์ได้เลย
